โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช

         โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช เป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราชแบบสหศึกษา แต่เดิมเคยเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังยืนหยัดอย่างสง่างามคู่นครศรีธรรมราชมามากกว่า 90 ปี สร้างสรรค์คุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อเยาวชน สังคม ประเทศชาติ มาจนถึงปัจจุบัน


ประวัติโรงเรียน
จากอดีตถึงปัจจุบัน ตั้งแต่พ.ศ. 2461ถึงปัจจุบัน โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ยืนหยัดอยู่คู่กับจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเวลายาวนานมากกว่า 90 ปี เป็นเวลาแห่งความองอาจ สง่างาม และการบำเพ็ญกรณีย์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อการสร้างสรรค์ และพัฒนาประเทศชาติ

หากจะแบ่งช่วงของประวัติความเป็นมาและความเจริญก้าวหน้าของโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช สามารถแบ่งได้เป็น 3 ยุค คือ

1. ยุคบุกเบิก ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนจนถึงพ.ศ. 2478ซึ่งเป็นปีที่โรงเรียนได้ย้ายมาอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน
2. ยุคก่อร่างสร้างตัว ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอาคารเรียนหลังแรก พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2510
3. ยุคก้าวไกล ตั้งแต่โรงเรียนเข้าสู่โครงการโรงเรียนมัธยมในชนบทพ.ศ. 2511และเจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน


ยุคบุกเบิก
ก่อนจะมาเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช และ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ในปัจจุบันโรงเรียนได้เริ่มก่อตั้ง และมีวิวัฒนาการมาตามลำดับดังนี้

พ.ศ. 2461 แผนกสตรีของโรงเรียนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดสอนอยู่ที่วัดท่ามอญ (วัดศรีทวี) ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพระครูศรีสุธรรมรัต เจ้าอธิการวัดเป็นผู้อุปการะ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นมูลชั้นประถมปีที่1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

พ.ศ. 2468 เริ่มเปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และได้ขยายถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีต่อๆมา ในระดับนี้รับเฉพาะนักเรียนหญิง

พ.ศ. 2473 มีใบบอก(หนังสือราชการ)เรื่องการแยกโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดออกเป็น 3 โรงเรียน และมีครูใหญ่ 3 คน สาระสำคัญของใบบอกนี้มีว่า โรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัด นครศรีธรรมราชตามทำเนียบในขณะนั้น มีอยู่ 3 แผนก คือ แผนกชาย แผนกสตรี และแผนกช่างถม แต่มีครูใหญ่เพียงคนเดียว ทำให้การควบคุมดูแลไม่ทั่วถึง มีความบกพร่องเกิดขึ้นในทางราชการ ดังนั้น จึงขอเสนอเพื่อแยกโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดออกเป็น 3 โรงเรียนคือ

1. โรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช (เบญจมราชูทิศ)
2. โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
3. โรงเรียนประถมวิสามัญประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช

ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2473 คำเสนอนั้นได้รับอนุมัติ ส่งผลให้แผนกสตรีของโรงเรียนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แยกเป็น “โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช” นับแต่นั้นมา โดยมีนาย คลิ้ง ขุนทรานนท์ เป็นครูใหญ่

พ.ศ. 2478 โรงเรียนได้แยกชั้นเรียน คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6ให้ย้ายมาเรียนยังเลขที่ 660 ถนนราชดำเนิน ตำบลคลัง อำเภอเมือง ตรงข้ามสนามหน้าเมือง ใกล้กับบริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในปัจจุบัน โดยใช้เรือนไม้ 3 หลังเรียกว่า "พลับพลา" เป็นสถานที่เรียน(พลับพลานี้คือ ที่พักของผู้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้

ยุคก่อร่างสร้างตัว
พ.ศ. 2480 เริ่มก่อสร้างอาคารเรียนหลังแรก โดยได้รับความอนุเคราะห์จากคหบดีเจ้าของเหมืองแร่ที่อำเภอร่อนพิบูลย์ ชื่อนายอึ่งค่ายท่าย สมทบกับเงินงบประมาณที่ได้จากทางราชการ การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2482 จึงใช้ชื่ออาคารเรียนหลังแรกนี้ว่า“อึ่งค่ายท่าย” เป็นอาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนที่ภูมิฐานสง่างาม ตราบจนปัจจุบัน หลังจากนั้นโรงเรียนก็ได้รับงบประมาณปรับปรุง สร้างอาคารเรียนหลายอาคารเพิ่มขึ้น



เว็บไซด์โรงเรียน : http://www.kanlayanee.ac.th





โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต

         โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) (สังกัดเดิมคือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1) ตั้งอยู่เลขที่ 2/617 หมู่บ้านศุภาลัยบุรี ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี[1] และเป็นโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย[2] ปัจจุบันเปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา



โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ก่อตั้งบนที่ดินจำนวน 15 ไร่ ภายในหมู่บ้านศุภาลัยบุรี ซึ่งได้รับบริจาคจากคุณประทีป ตั้งมติธรรม ศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2535 เพื่อจัดตั้งโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งโรงเรียนขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2536 มีแผนเต็มรูปแบบ 72 ห้องเรียน คือระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นชั้นละ 14 ห้องเรียนและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นละ 10 ห้องเรียน และได้แต่งตั้งให้นายวีระ กาญจนะรังสิตา มาปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารโรงเรียน

โดยในระยะแรก โรงเรียนได้ใช้อาคารพาณิชย์ 4 ชั้นภายในหมู่บ้านศุภาลัยบุรีเป็นสถานที่เรียนชั่วคราวและได้รับการบริจาครถตู้จำนวน 1 คัน จากคุณประทีป ตั้งมติธรรมเพื่อใช้ในกิจการของโรงเรียน และได้ใช้ทุนทรัพย์จากชมรมผู้ปกครองและครูในปี พ.ศ. 2538 สร้างโรงอาหารและอาคารชั่วคราวเป็นห้องเรียน 4 ห้อง

หลังจากที่ได้รับมอบที่ดินและออกสำรวจพื้นที่เมื่อปี พ.ศ. 2534 และ พ.ศ. 2535 ก็ได้ทำรายงานเสนอกรมสามัญศึกษาว่า สมควรรับมอบที่ดินดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่บริเวณนี้มีการขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็วและเพื่อโรงเรียนจุดสะกัดเขตปริมณฑลกรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดจากการที่นักเรียนจะเข้ามาศึกษาในเมืองมากขึ้น จึงได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียนถาวรขึ้นและได้รับการพัฒนาทั้งในด้านการเรียนการสอนและสาธารณูปโภคจนถึงปัจจุบัน



เว็บไซด์โรงเรียน : http://www.skr.ac.th





โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน

         โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดลำพูน คู่กับ โรงเรียนจักรคำคณาทร ลำพูน เป็นสถาบันการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) โดยได้รับชื่อมาจากนามของพลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ณ ลำพูน เจ้าผู้ครองนครลำพูน คน ที่ 10 กับนามของเจ้าหญิงส่วนบุญ จักรคำขจรศักดิ์ ชายาเจ้าจักรคำฯ ผู้ให้การอุปถัมภ์โรงเรียนประจำจังหวัดลำพูน ทั้ง 2 แห่งมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อตั้ง



เจ้าหญิงส่วนบุญ จักรคำขจรศักดิ์ เป็นธิดาเจ้าราชสัมพันธ์วงค์ ณ เชียงใหม่ กับเจ้าคำย่น ณ ลำพูน สมภพเมื่อวันแรม 7 ค่ำ เดือน 5 ปีฉลู ตรงกับวันพุธที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2440 มีพี่น้องร่วมอุทร 4 คนคือ

เจ้าเผ่าพรหม ณ เชียงใหม่
เจ้าชมชื่น ณ เชียงใหม่
เจ้ากุศลวงศ์ ณ เชียงใหม่
เจ้าหญิงส่วนบุญ ณ เชียงใหม่

ในปีพุทธศักราช 2488 เจ้าหญิงส่วนบุญ ณ เชียงใหม่ เจริญชันษาได้ 15 ปี ได้สมรสกับพลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ณ ลำพูน มีทายาทสืบสกุล 1 คน คือ เจ้าพัฒนา ณ ลำพูน

เจ้าหญิงส่วนบุญจักรคำขจรศักดิ์ ได้ปฏิบัติกรณียกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการภายในนครลำพูนเคียงคู่พลตรีเจ้า จักรคำขจรศักดิ์ ณ ลำพูน นานัปการ ได้แก่ การสนับสนุนงานช่างฝีมือด้านการทอผ้าโดยได้ตั้งโรงงานทอผ้าขึ้นภายในคุ้มของ ท่านซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนวังขวา ส่วนภารกิจที่มีความสำคัญต่ออนาคตกุลธิดาในจังหวัดลำพูน คือการอุปถัมภ์ด้านการศึกษาแก่เยาวสตรีให้เข้าศึกษาในสถานศึกษาสำหรับเยาวสตรเป็นการเฉพาะ

ทั้งนี้เป็นผลพวงสืบเนื่องมาจากปลายปี 2471 สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพได้พิจารณาว่าการจัดตั้งโรงเรียนแบบสหศึกษาไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมในขณะนั้น

นอกจากนี้กระทรวงธรรมการ(กระทรวงสึกษาธิการ) ก็ไม่มีนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนชายกับนักเรียนหญิงเรียนร่วมในโรงเรียน เดียวกัน

สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพจึงมีหนังสือกราบทูลมหาอำมาตย์เอกพระเจ้าวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีวิวัติ เสนาบดีกระทรวงธรรมการขอประทานอนุมัติแยกโรงเรียนสตรีออกมาจากโรงเรียนประจำจังหวัดลำพูนวิทยาคม เพื่อจัดตั้งเป็นโรงเรียนสำหรับเยาวสตรีเป้นการเฉพาะ

ในการนี้สมุหเทศาภิบาลมลฑลพายัพได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ราชพัสดุ เลขที่ 8281 (สรรพากร) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอัฏฐารสด้านเหนือของวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารสำหรับก่อสร้างอาคารเรียนเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร้จได้มีพิธีการทำบุญฉลองเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2491

ต่อมาในปี พ.ศ.2475 โรงเรียนชายจักรคำคณาธรได้ย้ายออกจากบ้านสันดอนรอมไปอยู่ที่บ้านหนองเส้ง คือที่ตั้งในปัจจุบัน
โรงเรียนสตรีจังหวัดลำพูนจึงย้ายมาแทนที่บ้านสันดอนรอมแทน ใช้ชื่อว่า “โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดลำพูน ส่วนบุญโญปถัมภ์”


เว็บไซด์โรงเรียน : http://www.sby.ac.th